Inbound Marketing คือ อะไร?
Marketing
Marketing

Inbound Marketing คือ อะไร ? สิ่งที่ทำให้ธุรกิจออนไลน์เติบโตอย่างยั่งยืน!

ดึง – คัด – จับ – เปลี่ยน คีย์เวิร์ด 4 คำข้างต้นนี้น่าจะเป็นคำจำกัดความกระบวนการ หรือขั้นตอนการทำงานของ Inbound Marketing ได้เป็นอย่างดี ซึ่งการตลาดในแบบฉบับของ Inbound Marketing เริ่มเป็นกระแสขึ้นมาพร้อมๆ กับช่วงที่โลกออนไลน์กำลังเติบโต และกลายเป็นของใหม่ ส่วนการตลาดแบบเก่าที่แบรนด์คอยป่าวประกาศข้อดี หรือจุดเด่นของตนเองนั้นเริ่มไม่ใช่แนวทางที่ทำให้ธุรกิจเติบโต จึงทำให้ธุรกิจ หรือแบรนด์ต่างๆ เริ่มหันมาสนใจการตลาดในรูปแบบ Inbound Marketing กันมากขึ้น เราจึงจะมาทำความรู้จักกับการตลาดในรูปแบบนี้จะส่งผลกับธุรกิจต่างๆ ในรูปแบบใด

Inbound Marketing คือ อะไร?

Inbound = ดึงดูด
Marketing = การตลาด

สองคำนี้รวมกันจึงได้ความหมายว่า “การตลาดแบบแรงดึงดูด” โดย Inbound Marketing เป็นแนวคิดที่สวนทางกับการตลาดแบบเก่าคือ Outbound Marketing ที่แบรนด์จะเป็นฝ่ายส่งสารหากลุ่มเป้าหมาย หรือลูกค้า ด้วยการทำโฆษณา, ติดป้ายประกาศ, ทำโปรโมชั่น หรือการสื่อสารต่างๆ ให้กับลูกค้าเพียงฝ่ายเดียว ซึ่งเมื่อโลกออนไลน์ที่เต็มไปด้วยคลังข้อมูลอันมหาศาลเข้ามามีบทบาทในการใช้ชีวิตของมนุษย์มากขึ้น คนเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้ง่ายขึ้น ทำให้ลูกค้าสามารถค้นหาข้อมูลได้เอง และเลือกได้ว่าจะเชื่อข้อมูลใด ไม่เชื่อข้อมูลใด ดังนั้น สิ่งที่แบรนด์บอกกล่าวออกมาอาจทำให้ลูกค้าไม่เชื่อมั่นมากพอ และตัดสินใจไม่ซื้อสินค้าก็เป็นได้ แล้วถ้าการส่งสารแบบตะโกนออกไปไม่เป็นผล จะทำยังไงล่ะ?

เมื่อการส่งสารออกไปใช้กับลูกค้ายุคออนไลน์ไม่ได้ แล้ววิธีไหนจะทำให้ลูกค้าเข้ามาสนใจเรา? อันดับแรกก็ต้องทำให้เราน่าสนใจก่อน แล้วเราจะทำให้ตัวเองน่าสนใจได้อย่างไร? ในจุดนี้เองที่ Social Media เริ่มเข้ามามีบทบาทสำคัญอย่างมาก อย่างเช่น Facebook ที่มีผู้ใช้งานหลายล้านคน การทำ PR ผ่าน Facebook เพื่อสร้างการรับรู้ให้กับกลุ่มเป้าหมายของเราก็เป็นเรื่องที่ดี

หรือแม้กระทั่ง Search Engine ก็มีส่วนสำคัญมากเช่นกัน ลองนึกดูว่า เวลาเราต้องการหาข้อมูลอะไรสักอย่าง เราเข้า Google พิมพ์คีย์เวิร์ด แล้วกด Search เรามักจะเลือกเข้าเว็บไซต์ที่ปรากฏผลค้นหาในลำดับต้นๆ เป็นหลัก ซึ่งเว็บไซต์ที่ติดการค้นหาในหน้าที่ 2-3 เป็นต้นไป ก็จะไม่ค่อยมีคนคลิกแล้ว การทำ SEO (Search Engine Optimization) จึงเข้ามามีบทบาทสำคัญในการเพิ่มโอกาสที่ทำให้ผู้คนที่สนใจ Product ของเรา หรือคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของเราเข้ามาเยี่ยมชมเรามากขึ้น

อย่างไรก็ตาม การอธิบายในสองย่อหน้าที่ผ่านมาเป็นเพียงการเพิ่มโอกาสให้คนสนใจเรามากขึ้นเท่านั้น ยังไม่ถึงขั้นตอนการปิดการขาย!!! เพราะ Inbound Marketing คือ เทคนิคที่เน้นการวางแผนอย่างเป็นระบบ และเลือกใช้เครื่องมือต่างๆ ในการเปลี่ยน “คนแปลกหน้า” ให้กลายเป็น “ลูกค้า” ได้มากที่สุด ดังนั้น กระบวนการแต่ละอย่างต้องผ่านการคิดวิเคราะห์มาเป็นอย่างดี จึงจะทำให้ Inbound Marketing ประสบผลสำเร็จอย่างยั่งยืนมากที่สุด และคีย์สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ การสร้าง Content ที่เป็นประโยชน์จริงๆ เพราะ Content คือหัวใจหลักของการตลาดในรูปแบบนี้ จะสำคัญยังไง ลองไปดูกัน

อยากทำ Inbound Marketing ต้องทำยังไง?

สำหรับกระบวนการทำการตลาดแบบ Inbound Marketing นั้นมีลำดับขั้นตอนให้ศึกษากันอยู่ ลองดูจากแผนภาพด้านล่างประกอบไปด้วยกันครับ

  1. Attract – ดึงดูด

อย่างที่กล่าวไปตอนต้นว่า Inbound Marketing คือการตลาดว่าด้วยการดึงดูดคนให้เข้ามาหาเรา ดังนั้น ขั้นแรกจึงต้องเป็นการเปลี่ยนให้คนแปลกหน้ามาเป็นผู้เข้าชมเราเสียก่อน โดยขั้นตอนนี้มักจะใช้การทำ SEO เพื่อให้เว็บไซต์ของตนเองติดอันดับที่ดี และเพิ่มโอกาสในการได้ผู้เข้าชมเพิ่มขึ้น เพราะ Google จะแสดงผลการค้นหาจากเว็บไซต์ที่ Google มองว่าเป็นประโยชน์ และให้คำตอบตรงกับสิ่งที่ค้นหาได้มากที่สุด ดังนั้น การทำเว็บไซต์จึงนับเป็นเรื่องสำคัญที่สุดเรื่องหนึ่งในการทำการตลาดรูปแบบนี้

(เรียนรู้เทคนิคการทำหน้าเว็บให้น่าสนใจได้ที่ : 11 สิ่งต้องมีในหน้าโฮมเพจ เว็บไซต์ของคุณมีครบหรือยัง?)

นอกจากนี้ ต้องเล็งผลไปยังคีย์เวิร์ดที่มีผู้ค้นหาเยอะที่สุดในขอบเขตของธุรกิจนั้นๆ ส่วนคอนเทนต์ที่เขียนก็ต้องเป็นคอนเทนต์ที่ให้ประโยชน์จริงๆ หรือตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย เพื่อสร้างความประทับใจให้แก่ผู้เข้าชม พร้อมทั้งนำไปแชร์ลงใน Social Media เพื่อเผยแพร่อีกทางหนึ่งด้วย

  1. Convert – คัดกรอง

ขั้นตอนนี้จะเป็นการเปลี่ยนผู้เข้าชมให้กลายเป็นผู้คาดหวัง โดยการขอให้ผู้เข้าชมทำอะไรบางอย่าง (Call to Action) ให้กับเรา เช่น กรอกข้อมูล, ตอบแบบสอบถาม ฯลฯ แต่เราก็ต้องมีข้อเสนออะไรบางอย่างที่เป็นประโยชน์ให้กับกลุ่มเป้าหมายนี้ด้วย เช่น ถ้ากรอกข้อมูล หรือตอบแบบสอบถามจะได้รับข้อมูล หรือรางวัลอะไรบางอย่างที่พิเศษกว่าการเป็นผู้เข้าชมทั่วไป ซึ่งในจุดนี้เราจะสามารถคัดกรองได้ว่า ผู้ที่ทำ Call to Action ให้กับเรานั้นจะเป็นกลุ่มที่มีความสนใจในตัวเราจริงๆ และกลุ่มคนเหล่านี้มีโอกาสสูงมากที่จะกลายเป็นลูกค้าเราได้ในอนาคต

  1. Close – จับเป้าหมายให้อยู่

ขั้นตอนนี้เรียกได้ว่าเป็นขั้นตอนสำคัญที่สุด เพราะเป็นการเปลี่ยนจากผู้คาดหวังให้กลายเป็นลูกค้าเต็มตัว โดยหลังจากที่เราได้ข้อมูลของกลุ่มลูกค้าที่เป็นผู้คาดหวังแล้ว เราต้องสร้างคอนเทนต์ หรือนำเสนอเนื้อหาที่พิเศษ และแตกต่างจากคอนเทนต์ที่สร้างในข้อแรก โดยมากแล้วมักเป็นการนำเสนอสิทธิประโยชน์ หรือสิ่งที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ตรงประเด็น ซึ่งท้ายที่สุดแล้ว ถ้าสิ่งที่เรานำเสนอไปนั้นตรงกับความต้องการของผู้คาดหวัง เขาเหล่านั้นก็จะกลายมาเป็นลูกค้าของเราได้ไม่ยาก และเราเองก็สามารถปิดการขายได้ในที่สุด

  1. Delight – เปลี่ยนให้ลูกค้าเป็นกระบอกเสียงชั้นเยี่ยม

หลังจากที่เราได้ลูกค้าเพิ่ม และปิดการขายเรียบร้อยแล้ว การตลาดแบบ Inbound Marketing ยังไม่หยุดเพียงแค่การขายได้เท่านั้น แต่เราต้องเปลี่ยนให้ลูกค้ากลายเป็นกระบอกเสียงอันทรงพลังที่ส่งต่อ Key Message หรือโน้มน้าวกลุ่มคนแปลกหน้าใหม่ๆ ให้เข้ามาเป็นผู้เยี่ยมชมของเรา แล้วเกิดกระบวนการทั้ง 3 ข้อใหม่อีกครั้ง ซึ่งขั้นตอนนี้อาจเกิดขึ้นได้จาก การขอให้ช่วยแชร์คอนเทนต์ที่รู้สึกว่าเป็นประโยชน์ เพื่อเพิ่มโอกาสให้ผู้อื่นได้เห็น และกลายเป็นผู้เยี่ยมชม, การรีวิวสินค้า หรือบริการต่างๆ ที่จะช่วยสร้างความมั่นใจในตัวแบรนด์มากยิ่งขึ้น หรือแม้กระทั่งบริการหลังการขายที่ Support ลูกค้า ฯลฯ การกระทำทั้งหมดทั้งมวลนี้จะสามารถสร้างความประทับใจให้ลูกค้า และเกิดการบอกต่อ ซึ่งการบอกต่อ หรือกระแสแบบ ปากต่อปาก คือการโปรโมตชั้นเยี่ยม และทรงพลังมากที่สุดสำหรับการทำธุรกิจเลยทีเดียว

หลังจากอธิบายกันมาเสียยืดยาว ก็หวังว่าผู้อ่านทุกท่านที่อ่านมาจนถึงบรรทัดนี้จะรู้จัก และเข้าใจภาพรวมของ Inbound Marketing มากขึ้นว่า การตลาดรูปแบบนี้เป็นอย่างไร และมีความสำคัญยังไงกับการทำธุรกิจออนไลน์ในปัจจุบัน แม้ว่าการตลาดแบบ Inbound Marketing จะใช้เวลาในการทำค่อนข้างนาน แต่ผลที่ได้นับว่าคุ้มค่า เพราะธุรกิจหรือเว็บไซต์ของเราเองจะมี Value ที่สูงมาก และได้รับความเชื่อใจ ความมั่นใจจากผู้เข้าชม ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจของเราเติบโตได้อย่างมั่นคง และยั่งยืนในที่สุด